ไขข้อสงสัย จัดส่งของไปต่างประเทศแบบ Express และ Economy ต่างกันอย่างไร
การส่งของไปต่างประเทศ สามารถส่งได้หลายรูปแบบ และหลายขนส่ง ทำความรู้จักการส่งแบบ PPX และ EPX ต่างกันอย่างไร จัดส่งแบบไหนดีกว่า
9 ของขวัญปีใหม่ ซื้ออะไรให้ถูกใจลูกค้า?
สิ้นปีทีไร หนักใจทุกที ซื้ออะไรเป็นของขวัญปีใหม่ให้ลูกค้าดี??
ใกล้เข้าเทศกาลปีใหม่แล้ว…. หลายบริษัทหรือหลายๆร้านค้าคงกำลังมองหาของขวัญปีใหม่ ให้กับลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์อยู่ แต่การจะเลือกซื้อของขวัญปีใหม่นั้นก็เหมือนการตั้งคำถามว่า เย็นนี้กินอะไรดี ซึ่งเป็นคำถามที่จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยากซื้อของขวัญให้ใครก็ไม่น่าจะหนักใจ เท่าซื้อของขวัญให้ลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ หากคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไร วันนี้ชิปจังได้รวบรวม 9 ของขวัญยอดฮิต ให้ลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ที่สามารถส่งผ่านบริษัทขนส่งได้ย้ำ!! ส่งผ่านบริษัทขนส่งได้! จะมีอะไรบ้างไปดูกัน
1. สมุดโน้ต
สมุดโน้ต หรือ สมุดจดบันทึก เป็นของขวัญยอดฮิตในทุกๆเทศกาลที่บริษัทหรือร้านค้ามักนิยมมอบให้กับลูกค้า ถึงแม้จะดูจำเจแต่ก็เป็นของขวัญที่ไม่เคย Out ในทุกๆเทศกาลเลย โดยสมุดโน้ตที่ให้ควรเป็นสมุดปกแข็ง เพื่อง่ายต่อการใช้งานอาจจะลดความจำเจด้วยการ Customize หรือสั่งทำและออกแบบเฉพาะบริษัทเราเอง นอกจากจะไม่จำเจแล้ว ยังทำให้ลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์นึกถึงเราทุกครั้งเมื่อหยิบมาใช้งานอีกด้วย
2. ปฏิทินตั้งโต๊ะ
ปฏิทินตั้งโต๊ะ เป็นไอเท็มสำคัญบนโต๊ะทำงานของเราทุกคนแม้ว่าในจอคอมพิวเตอร์หรือจอโทรศัพท์จะมีปฏิทินอยู่ แต่รับรองเลยว่าคนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะมองปฏิทินตั้งโต๊ะมากกว่า และปฏิทินตั้งโต๊ะ เป็นไอเท็มที่ใช้ได้ตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้ายของปีอีกด้วย
3. ร่มพกพา
ร่มพกพาเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ลูกค้าได้ไปแล้ว ต้องใช้แน่นอนเพราะอากาศบ้านเรานั้นร้อนขนาดนี้ แค่ออกไปกินข้าวกลางวัน ก็ต้องพกร่มกางออกไปกันทุกคนอยู่แล้ว ลูกค้าได้ไปก็ใช้เป็นของใช้ประจำออฟฟิศได้อีกด้วย
4. แก้วน้ำ
ในชีวิตการทำงานของชาวออฟฟิศนั้น สิ่งที่มักมีประจำตัวกันนั่นก็คือแก้วน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ชงกาแฟ ชงชา หรือจิบน้ำระหว่างวันนับเป็นของขวัญอีกตัวเลือกหนึ่งที่ผู้รับได้รับแล้วต้องใช้แน่นอนเพียงแต่ผู้ส่งต้องทำการห่อสินค้าให้ดีก่อนกันจัดส่ง
5. กรอบรูปตกแต่งออฟฟิศ
ถึงแม้ว่ากรอบรูปจะเป็นสิ่งของที่ใช้งานไม่ได้ แต่ถ้าเลือกซื้อกรอบรูปที่มีรูปภาพหรือภาพวาดสวยๆให้กับลูกค้า เอาไปแขวนส่วนไหนของออฟฟิศหรือห้องทำงาน มองกี่ทีก็คิดถึงผู้ให้
6. นาฬิกาแขวน หรือ นาฬิกาตั้งโต๊ะ
นาฬิกาแขวนหรือนาฬิกาตั้งโต๊ะเป็นของใช้ส่วนรวมที่ได้ใช้กันทุกคนและมีประโยชน์กับทุกคน เราล้วนทำงานแข่งกับเวลาใครๆก็ต้องมองนาฬิกาอยู่แล้วเพียงแค่เลือกดีไซน์สวยๆให้ผู้รับถูกใจเท่านั้นเอง
7. หมอนอิงหลัง หรือเบาะพิง
เวลาที่เรานั่งทำงานเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกัน มักจะรู้สึกเมื่อยตัวและเลือกที่จะใช้หมอนอิงหลังวางบนเก้าอี้นั่งเพื่อให้นั่งได้สบายมากขึ้น ดังนั้นการให้ของขวัญเป็นหมอนอิงหลังรับรองเลยว่าผู้รับได้รับแล้วต้องใช้งานแน่นอน
8. กิฟต์เซ็ตของใช้
กิฟต์เซ็ทของใช้ในที่นี้ คือของใช้ในออฟฟิศ เช่น เครื่องเขียนกระดาษโน้ต แผ่นรองเมาส์ หรือจานรองแก้ว เป็นต้น แอบใส่ขนมขบเคี้ยวเล็กๆน้อยๆไปด้วย ถูกใจผู้รับแน่นอน
9. บัตรกำนัลต่างๆ
สิ้นปีทั้งที ใครๆก็เป็นสายกินหรือสายช้อปปิ้งก็ต้องฉลองกันหน่อย หากไม่มีเวลาไปกินข้าวกับลูกค้า ก็ส่งบัตรกำนัลร้านอาหารไปให้ลูกค้าโดยเฉพาะบุฟเฟต์ หรืออยากจะมอบเป็นบัตรส่วนลดช้อปปิ้งแบรนด์ในห้างชั้นนำต่างๆ ก็ไม่มีทางเอ้าท์อย่างแน่นอน นอกจากผู้รับจะประทับใจแล้วยังเป็นของขวัญที่ส่งง่ายที่สุดอีกด้วย!
อย่าลืม! รักษาความสัมพันธ์อันดีงามที่เรามีกับลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ด้วยการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับลูกค้าหากคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรให้กับลูกค้าดี ชิปจังหวังว่า 9 ตัวเลือกนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เป็นของขวัญที่ผู้รับได้รับแล้วได้ใช้แน่นอนแถมยังส่งผ่านบริษัทขนส่งได้อีกด้วย สนใจให้ Shipjung ช่วยดูแลการส่งสินค้าปีใหม่ให้กับลูกค้าของคุณ เพียงเริ่มต้นการใช้งานได้ทันที
สนใจใช้บริการจองขนส่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > เปรียบเทียบราคาขนส่ง < กดที่นี่
ร้านค้าออนไลน์ไม่ควรพลาด! 10 จังหวัด ที่ควรยิงโฆษณาผ่าน Facebook
อยากยิงโฆษณาผ่าน Facebook เลือกเจาะพื้นที่ไหนดี..
การซื้อ-ขายออนไลน์ เป็นธุรกิจที่ไร้พรมแดน และไร้ขีดจำกัด ขอแค่มี Internet และเครื่องมือการสื่อสาร ก็สามารถเข้าถึงโลกของการซื้อขายของออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย มีกลุ่มธุรกิจร้านค้าออนไลน์ และกลุ่มลูกค้าอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้น สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ในปัจจุบัน มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด การทำการตลาดแบบกว้างอาจจะเป็นเรื่องยาก หรือได้ผลลัพธ์ไม่คุ้มทุน ร้านค้าออนไลน์จึงต้องปรับตัวทางการตลาดด้วยการโฟกัสกลุ่มลูกค้าให้เล็กลง เพื่อให้ทำการตลาดได้อย่างตรงจุดและได้ประสิทธิผลมากที่สุด
การทำตลาด ที่ยอดนิยมสำหรับร้านค้าออนไลน์ แทบทุกร้านจะต้องใช้วิธีนี้ คือการยิงโฆษณาบน Facebook หรือที่เป็นที่รู้จักกันดีว่า การยิงAd (Advertisement) โดยการโฆษณาร้านค้าหรือบริการใน Facebook มีฟังค์ชั่นที่สามารถเลือกเป้าหมายและกลุ่มลูกค้าตามพื้นที่ได้ ซี่งจะช่วยให้ร้านค้าโฟกัสกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ชัดขึ้น เพื่อให้ประสิทธิผลในการทำโฆษณานั้นสูงขึ้น
ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด หากจะยิงโฆษณาผ่าน Facebook โดยการเลือกพื้นที่ทั้งหมด คงใช้เงินทุนในการทำตลาดเป็นจำนวนมาก และอาจได้ผลลัพธ์ไม่คุ้มทุน ดังนั้น หากคุณคือเจ้าของร้านค้าออนไลน์ ที่กำลังยิงโฆษณาผ่าน Facebook แบบเจาะจงพื้นที่ SHIPJUNG ได้รวบรวม 10 จังหวัดในประเทศไทย ที่มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตมากที่สุด และกิจกรรมส่วนใหญ่ในโลกอินเตอร์เน็ต คือ การซื้อของออนไลน์
อันดับที่ 1 จังหวัดกรุงเทพมหานคร
เมืองหลวงอย่างกรุงเทพ ที่มีประชากรหนาแน่น พบว่ามีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต ถึง 6,064,929 คน
อันดับที่ 2 จังหวัดสมุทรปราการ
มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 1,304,131 คน
อันดับที่ 3 จังหวัดนครราชสีมา
มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 1,176,308 คน
อันดับที่ 4 จังหวัดชลบุรี
มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 1,105,722 คน
อันดับที่ 5 จังหวัดปทุมธานี
มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 1,027,819 คน
อันดับที่ 6 จังหวัดนนทบุรี
มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 980,018 คน
อันดับที่ 7 จังหวัดสงขลา
มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 906,514 คน
อันดับที่ 8 จังหวัดขอนแก่น
มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 854,476 คน
อันดับที่ 9 จังหวัดเชียงใหม่
มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 845,240 คน
อันดับที่ 10 จังหวัดนครปฐม
มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 698,105 คน
โดยทั้ง 10 อันดับนี้ เป็นการสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ และผลการสำรวจนี้ก็สอดคล้องกับการเก็บข้อมูลพื้นที่การจัดส่งปลายทางของลูกค้า SHIPJUNG อีกส่วนหนึ่งด้วย ใครที่กำลังสนใจการยิงโฆษณาผ่าน Facebook ก็สามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปประกอบการตัดสินใจได้ และเผื่อการทำโฆษณาที่ได้ผลดี ก็ควรดูจากลักษณะของตัวสินค้าที่ขายด้วย เพื่อที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุดที่สุด
สนใจใช้บริการจองขนส่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > เปรียบเทียบราคาขนส่ง < กดที่นี่
บริการ Fulfillment คืออะไร? ตอบโจทย์ร้านค้าออนไลน์มากแค่ไหน
บริการ Fulfillment คืออะไร? ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้ร้านค้าออนไลน์ได้จริงหรือไม่?
เมื่อร้านค้าออนไลน์มีความมั่นคง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็จะนำมาซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่า จำนวนสินค้าที่ต้องสต็อก และรายการสั่งซื้อที่ลูกค้าสั่งซื้อเข้ามา ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ นับเป็นเรื่องที่ดีในการทำธุรกิจขายของออนไลน์ แต่ปัญหาที่ตามมา คือ ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่มักไม่มีที่เก็บหรือสต็อกสินค้า เพื่อรองรับรายการสั่งซื้อจำนวนมาก
บริการแบบนี้ เป็นที่นิยมในวงการโลจิสต์ติกต่างประเทศ ที่ไม่ได้มีแค่บริการภายในประเทศ แต่ยังมีคลังสินค้าที่ให้บริการแบบระหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่า cross-border fulfillment อีกด้วย

บริการ Fulfillment คือส่วนหนึ่งของระบบคลังสินค้า ที่มักจะเรียกว่าบริการ เก็บ แพค ส่ง โดยเริ่มจากการนำสินค้าเข้ามาเก็บที่คลัง ตามด้วยขั้นตอนการแพคพัสดุเมื่อมีรายการสั่งซื้อเข้ามา และจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้าปลายทาง โดยที่ทางร้านค้าเองแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย นอกเสียจากส่งรายการสั่งซื้อให้กับทางคลัง โดยวิธีการส่งข้อมูลที่ได้รับความนิยมคือการเชื่อม API ระหว่างร้านค้าและคลังสินค้า เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงกัน ไม่ตกหล่น และตรวจสอบได้
ข้อดีของบริการคลังสินค้า
ข้อดีของการใช้บริการคลังสินค้าออนไลน์ ที่มากกว่าการมีพื้นที่จัดเก็บสินค้า คือ ประหยัดเวลา เนื่องจากคุณไม่ต้องแพคของหรือไปส่งของด้วยตัวเอง สะดวกสบายและสามารถจัดสรรเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากยิ่งขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะ Fulfillment เป็นบริการเสริมที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบคลัง นั่นหมายความว่า คุณไม่ต้องสร้างโกดังสินค้าและทำทุกอย่างขึ้นมาเองทั้งหมด เพียงแค่ใช้บริการ Fulfillment ก็ช่วยคุณประหยัดงบและต้นทุนได้มากกว่า นอกจากนี้ยังช่วยให้ร้านค้าของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่า บริการนี้ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้ร้านค้าออนไลน์ได้เป็นอย่างมาก และสามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการไม่มีพื้นที่จัดเก็บสินค้าได้จริง แต่หากมองในแง่ของความเหมาะสมและความคุ้มค่านั้น การใช้บริการ Fulfillment อาจจะไม่เหมาะกับร้านค้าออนไลน์ทุกๆร้านหรือทุกประเภท เนื่องจากร้านค้าออนไลน์ที่จะมาใช้บริการนี้ได้อย่างคุ้มค่า ต้องเป็นร้านค้าออนไลน์ที่มียอดการสั่งซื้อค่อนข้างสูงในแต่ละวัน หรือมีการจัดการสต็อกสินค้าที่เป็นระบบและลงตัว ตัวอย่างเช่น หากยอดการสั่งซื้อไม่เยอะมากพอ แต่สินค้าที่สต็อกอยู่ในคลังนั้นมีจำนวนมาก เมื่อสินค้าเหลืออยู่ในคลัง ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการเก็บและดูแลสินค้า ซึ่งอาจไม่คุ้มกัน จึงเป็นเหตุที่ว่า บริการนี้ตอบโจทย์ร้านค้าออนไลน์ก็จริง แต่เหมาะกับร้านค้าที่มีรายการสั่งซื้อเป็นจำนวนมากเท่านั้น

Boxme เป็นผู้ให้บริการคลังสินค้าและช่วยเหลือในขั้นตอน Logistics ทุกกระบวนการ ตั้งแต่การเก็บสต๊อกสินค้าสำหรับส่งให้ลูกค้าต่างประเทศ การแพ็ค ไปจนถึงการจัดส่ง รวมถึงบริการให้คำปรึกษาสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะขยายขนาดของธุรกิจ E-commerce ไปขายยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้โดยประหยัดต้นทุนการจัดการสินค้าและระยะเวลาการจัดส่งที่น้อยกว่า เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถมอบความพึงพอใจต่อผู้รับปลายทางได้อย่างดีที่สุด
ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > ขอรับใบเสนอราคา < กดที่นี่
ขนส่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ True E –Logistics พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ที่ SHIPJUNG
เปิดตัว True E–logistics ขนส่งใหม่มาให้ลูกค้าเลือกใช้บริการ ค่าส่งเริ่มต้นที่ 27 บาทเท่านั้น!
เมื่อไม่นานมานี้ SHIPJUNG ได้เปิดตัวบริษัทขนส่งมาให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการกัน เราได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องและหาบริษัทขนส่งมาให้เป็นตัวเลือกของลูกค้าทุกคนอย่างสม่ำเสมอ ในครั้งนี้ SHIPJUNG ขอนำเสนอบริษัทขนส่งอีกหนึ่งที่ ที่ลูกค้าทุกคนสามารถเลือกจองขนส่งออนไลน์ได้ ผ่าน True E–logistics บริษัทขนส่งภายใต้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง True
True E-Logistics ให้บริการขนส่งพัสดุภายในประเทศ จัดส่งพัสดุถึงปลายทางภายใน 1 วัน พร้อมบริการเข้ารับพัสดุถึงบ้าน และบริการเก็บเงินปลายทางเช่นเคย โดยราคาเริ่มต้นเพียง 27 บาทเท่านั้น! “ ให้บริการขนส่งพัสดุภายในประเทศ จัดส่งพัสดุถึงปลายทางภายใน 1 วัน พร้อมบริการเข้ารับพัสดุถึงบ้าน และบริการเก็บเงินปลายทางเช่นเคย โดยราคาเริ่มต้นเพียง 27 บาทเท่านั้น!
เงื่อนไขการใช้งาน
- การเข้ารับสินค้า ต้องมียอดจัดส่งขั้นต่ำ 3 ชิ้น ขึ้นไป (ต่ำกว่า 3 ชิ้น จะเสียค่าเข้ารับ 50 บาท/รอบ) และมีค่าธรรมเนียมการตีกลับพัสดุเท่ากับค่าจัดส่ง
- พื้นที่ให้บริการเข้ารับพัสดุในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ) และครอบคลุมพื้นที่การจัดส่งทั่วประเทศ
- อัตราค่าบริการ คิดตามน้ำหนักจริงของพัสดุ
- ขนาดกล่องพัสดุ ความกว้าง ความยาว ความสูง 100 เซนติเมตร หรือรวมกันไม่เกิน 200 เซนติเมตร
- น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 30 กิโลกรัม
- ค่าธรรมเนียมเรียกเก็บแทน (cod) 2.5% หรือขั้นต่ำ 25 บาท
- ยอดเก็บเงินปลายทางสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท/ พัสดุ
- มูลค่ารวมของสินค้าสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท/ พัสดุ
- กรณีซื้อประกันเพิ่ม มีค่าประกันสินค้า: 2% ของมูลค่าประกัน
- ค่าบริการ COD และค่าประกันสินค้า รวม VAT 7%
- ค่าบริการตีกลับสินค้าในกรณีจัดส่งไม่สำเร็จ คิดเท่าค่าจัดส่ง
- รับผิดชอบสินค้าสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท/ พัสดุ หรือตามมูลค่าจริงของพัสดุ ขึ้นอยู่กับว่าอันไหนน้อยกว่า
- ชิปจัง มีสิทธิที่จะตัดสินยอดเคลมของสินค้าตามความเหมาะสม
- ชิปจัง มีสิทธิที่จะปรับเปลี่ยนราคาหรือเงื่อนไขต่างๆ โดยต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วัน
สำหรับลูกค้าคนไหนที่สนใจอยากจองขนส่งออนไลน์ โดยเลือกใช้บริการ True E-logistics ก็สามารถจองผ่าน SHIPJUNG ได้เลย
สนใจใช้บริการจองขนส่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > เปรียบเทียบราคาขนส่ง < กดที่นี่
ส่งของแบบลงทะเบียน VS ส่งของ EMS แบบไหนดีกว่ากัน?
ส่งของ EMS VS ส่งแบบลงทะเบียน
หากพูดถึงบริษัทขนส่งในประเทศไทยแล้ว ก็ต้องนึกถึง ไปรษณีย์ไทย ที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลานาน โดยไปรษณีย์ไทยให้บริการหลากหลายรูปแบบ เช่น ส่งแบบพัสดุ ส่งแบบลงทะเบียน ส่งแบบด่วน และส่งระหว่างประเทศ เป็นต้น โดยการบริการที่ได้รับความนิยมคือ ส่งแบบลงทะเบียน และส่งด่วน ซึ่งร้านค้าออนไลน์รวมถึงธุรกิจ E-commerce ทั้งรายย่อยและรายใหญ่นิยมใช้กัน แล้วระหว่างการส่งแบบลงทะเบียนกับส่งด่วน มีข้อแตกต่างและข้อดีข้อเสียยังไง วันนี้ Shipjung รวบรวมมาให้แล้ว
การจัดส่งแบบธรรมดา (Parcel Post)
เป็นรูปแบบการจัดส่งพัสดุที่ได้รับความนิยมค่อนข้างน้อยในปัจจุบัน เพราะไม่สะดวกเท่าการส่งรูปแบบอื่นๆ การส่งแบบธรรมดา ใช้เวลาในการจัดส่ง 5 วันโดยประมาณในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลด้วยกัน และ7วันโดยประมาณในพื้นที่ต่างจังหวัด นอกจากนี้ การส่งแบบธรรมดา ยังไม่สามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้ แต่สามารถตรวจสอบกับที่ทำการไปรษณีย์ได้ การจัดส่งแบบธรรมดา สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 20 กิโลกรัม วงเงินประกันความเสียหายของพัสดุสูงสุด 1,000 บาทและสามารถซื้อประกันพัสดุเพิ่มได้ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการส่งของที่มีขนาดค่อนข้างหนัก และไม่เร่งรีบในการจัดส่ง
การส่งแบบลงทะเบียน (Registered หรือ REG)
ในแวดวงร้านค้าออนไลน์ มักย่อว่า ลทบ. ตัวอักษรหน้าเลขสถานะจะขึ้นต้นด้วยตัว R เช่น RG, RB เป็นต้น การจัดส่งแบบลงทะเบียนจะมีราคาถูก เนื่องจากเป็นการส่งพัสดุแบบธรรมดา ส่วนระยะเวลาการจัดส่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลด้วยกัน จะอยู่ที่ประมาณ 1-3 วัน และต่างจังหวัดประมาณ 3-5 วันโดยประมาณ การจัดส่งแบบลงทะเบียน มีวงเงินรับประกัน สำหรับพัสดุมูลค่าไม่เกิน 300 บาท ไม่ว่าพัสดุจะมีมูลค่ามากกว่า 300 บาท แต่วงเกินประกันก็สูงสุดที่ 300 บาทเท่านั้น และมีเงื่อนไขสำคัญคือ พัสดุจะต้องหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม สำกรับการติดตามพัสดุนั้น จะติดตามได้แค่เมื่อ รับพัสดุเข้าระบบ พัสดุถึงไปรษณีย์ปลายทาง และผู้รับได้ของแล้วเท่านั้น ดังนั้นการจัดส่งแบบลงทะเบียนจึงเหมาะกับ พัสดุที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา มีมูลค่าไม่สูง และผู้รับไม่เร่งรีบในการรับพัสดุ
ส่งของ EMS (บริการส่งด่วน)
บริการส่งของ SMS ย่อมาจาก Express Mail Service คือการจัดส่งแบบเร่งด่วน ตัวอักษรหน้าเลขสถานะจะขึ้นต้นด้วยตัว E เช่น EA, EK จะมีราคาสูงกว่าแบบลงทะเบียน เนื่องจากใช้เวลาในการจัดส่งน้อยกว่า โดยประมาณอยู่ที่ 1-2 วันในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลด้วยกัน และ 2-3 วันในพื้นที่ต่างจังหวัด มีวงเงินประกันพัสดุเสียหายสูงสุดที่ 2,000 บาท สามารถซื้อประกันพัสดุเพิ่มได้ และสามารถติดตามสถานะพัสดุได้ในทุกๆขั้นตอน ซึ่งจะมีความละเอียดมากกว่าแบบลงทะเบียน และสามารถส่งพัสดุที่มีน้ำหนักมากกว่าแบบลงทะเบียนถึง 10 เท่า (20 กิโลกรัม) การจัดส่งของ EMS เหมาะกับพัสดุที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง มีน้ำหนักมากกว่า 2 กิโลกรัม และผู้รับต้องการรับพัสดุเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมและความต้องการของผู้รับปลายทาง และสำหรับใครที่ต้องการส่งของ EMS สามารถใช้บริการผ่าน Shipjung ได้เลย มาพร้อมกับ บริการ SMS Tracking แจ้งเตือนสำหรับลูกค้าปลายทาง และ บริการ drop-off พร้อมปรับราคาใหม่ ประหยัดมากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถทราบราคาก่อนจัดส่งและชำระค่าส่งของผ่านบัตรเครดิตได้อีกด้วย
สนใจใช้บริการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > เปรียบเทียบราคาขนส่ง < กดที่นี่
Boxme ร่วมบริจาคสิ่งของจำเป็นแก่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิต
บริษัท Boxme Thailand นำทีมโดยคุณ รชตะ สถิตอมรธรรม และทีมงาน Boxme ทุกคน ร่วมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นแก่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิตในวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา