5 เคล็ดลับ ขายของออนไลน์อย่างไรให้พิชิตใจลูกค้า
เผยเคล็ดลับขายดี ขายของออนไลน์อย่างไรให้มีลูกค้าติดตรึมไม่หันไปมองคู่แข่ง ยอดขายพุ่งแรงทุกแพลตฟอร์ม เปิดร้านแล้วต้องทำอะไรต่อบ้าง ลูกค้าถึงจะกล้าซื้อ
5 เรื่องเบื้องต้นและข้อควรระวังก่อนนำเข้า-ส่งออกที่จำเป็นต้องรู้!!
การนำเข้า-ส่งออก สินค้าระหว่างประเทศถือเป็นกลยุทธที่ช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจนั้นมีการเติบโตมากขึ้น ทำให้ผู้นำเข้าสามารถหาสินค้าที่มีรูปแบบใหม่ คุณภาพดี หรือราคาถูกกว่าในประเทศของตน และผู้ส่งออกสามารถขายสินค้าที่ตนเองผลิต ไปยังประเทศต่างๆ ได้ นอกจากนี้การนำเข้าและการส่งออกสินค้ายังเป็นตัวชี้วัดรายได้ของประเทศอีกด้วย ซึ่งผู้ประกอบการใหม่ที่ต้องการทำสนใจการทำธุรกิจระหว่างประเทศจำเป้นต้องรู้จักข้อควรระวังก่อนนำเข้า-ส่งออก เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิผล
1) การส่งออก (Export)

การส่งออก (Export) คือการจัดส่งสินค้าหรือการขายสินค้าและบริการในประเทศไปสู่ตลาดอื่น จากต้นทางสู่ปลายทางในทางบก ทางน้ำหรือทางอากาศ ในการส่งออกสินค้าจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กรมศุลกากร ซึ่งในการส่งออกสินค้าการผ่านพิธีการศุลกากรสามารถทำได้โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless) โดยการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนดไว้ และกรมศุลกากรจะทำการดำเนินงานต่อเพื่อให้สินค้าสามารถส่งออกได้
2) เอกสารสำหรับการส่งออกสินค้า

- ใบขนสินค้าขาออก (Export Declaration)
- บัญชีราคาสินค้า (Invoice)
- ใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตสำหรับสินค้าควบคุมการส่งออก (ถ้ามี) (Export License)
- ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (ถ้ามี) (Certificates of Origin)
- เอกสารอื่น ๆ เช่น แคตตาล็อก เอกสารแสดงส่วนผสม ฯลฯ
3) ภาษีศุลกากร (Customs Duty)

การนำเข้าและส่งออกสินค้าจะมีการเก็บภาษีศุลกากร หรือ Customs Duty ที่เรียกว่า อากร หมายถึง เงินรายได้ของประเทศที่กฎหมายกำหนดให้กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานจัดเก็บจากการนำของเข้ามาหรือส่งของออกไปต่างประเทศ ตามที่บัญญัติในกฎหมายศุลกากรและกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ตลอดจนกฎหมายอื่นที่กำหนดให้เป็นอากรศุลกากร
4) ข้อควรระวัง สำหรับมือใหม่

- ใบขนสินค้าปลอม ต้องศึกษาอย่างละเอียดว่า ‘ใบขน’ มีวิธีการอ่านอย่างไร
- หลอกให้ส่งออก ส่วนใหญ่มักเกิดกับประเทศที่ไม่ค่อยเจริญ ทางนั้นจะบอกว่า มีเงินพร้อมโอนแน่นอน ให้เราส่ง BL ไปให้เขา เพราะฉะนั้นควรให้เขาโอนเงินมาก่อน ในกรณีเราเป็นผู้ส่งออก
- ราคาถูกผิดปกติ
5) ขั้นตอนและข้อควรระวังก่อนนำเข้า-ส่งออกที่ควรรู้

ขั้นตอนนำเข้าส่งออก เมื่อเริ่มต้นซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศไม่ว่าคุณจะนำเข้าหรือส่งออกอะไรผ่านเส้นทางไหนก็จะต้องผ่านทั้ง 8 ขั้นตอนเหล่านี้
1. เริ่มนำเข้าส่งออกที่โรงงานผู้ขาย
จุดแรกของการนำเข้าส่งออกการขนส่งย่อมไม่พ้นผู้ขายหรือผู้ผลิตไปได้ ซึ่งในจุดนี้ส่วนใหญ่เรามักจะเรียกว่า “Shipper” แปลตรงตัวว่าผู้ส่งออกหรือผู้ขาย ก็อนุมานกันได้เลยว่าสถานที่ที่จะไปรับสินค้า หรือจะใช้คำตรงตัวอย่าง โรงงาน Factory, โกดัง Warehouse ได้ตามสะดวก
2. การขนส่งในประเทศต้นทาง
เมื่อตกลงซื้อขายกันเสร็จสิ้นแล้วสินค้าจะถูกบรรจุและแพ็คกิ้งขึ้นรถบรรทุกเพื่อขนส่งไปยังท่าเรือ/ท่าอากาศยานต่างๆ แล้วจึงถ่ายโอนสินค้าต่อไปยังทางเรือหรือทางเครื่องบินเพื่อจัดส่งออกไปยังประเทศปลายทาง
3. การทำพิธีการศุลกากรขาออก
ในขั้นตอนนี้ผู้ขาย(Shipper) หรือตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ(Freight Forwarder) ที่ได้จัดซื้อจัดจ้างไว้จะมีหน้าที่ในการสำแดงสินค้าต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร(Customs House) ว่าสินค้าอะไรจะออกจากประเทศนั้นนั่นเองครับ จุดนี้ภาษาเฟรทเรียกว่า Outbound Customs Clearance และปกติแล้วขั้นตอนนี้จะกินเวลาไม่นาน หากไม่เจอปัญหาอะไร
4. ท่าเรือ/ท่าอากาศยานต้นทาง
เมื่อศุลกากรได้ตรวจปล่อยสินค้าแล้ว สินค้าก็จะได้รับอนุญาตให้เอาขึ้นเรือหรือเครื่องบินที่จัดเตรียมไว้เพื่อขนส่งออกจากประเทศผู้ขาย ในจุดนี้ภาษาเฟรทจะเรียกว่า Port of Loading(POL) แต่ไม่ใช่ว่าทำพิธีการเสร็จแล้วเรือหรือเครื่องบินจะออกทันที ยังต้องมีการผ่านกระบวนการในท่าฯ อีกพอสมควร
5. ท่าเรือ/ท่าอากาศยานปลายทาง
ตอนนี้สินค้าก็ได้เดินทางมาถึงยังประเทศของผู้ซื้อ จุดนี้เมื่อเรือหรือเครื่องบินจอดเทียบท่าแล้ว สินค้าจะถูกลำเลียงเข้าโกดังไว้ รอให้ผู้ซื้อหรือตัวแทนออกของและศุลกากรมาตรวจปล่อยสินค้าต่อไป ในจุดนี้ภาษาเฟรทเราจะเรียกว่า Port of Discharge(POD)
6. พิธีการศุลกากรสินค้าขาเข้า
เจ้าพนักงานศุลกากรจะมาตรวจสินค้าที่ผู้ซื้อนำเข้ามาว่าสินค้าที่คุณนำเข้ามาตรงกับที่ได้แจ้งกับกรมศุลกากรไว้หรือไม่ เสียภาษีตรงกับฐานภาษีที่กรมศุลกากรกำหนดหรือไม่ เป็นสินค้าควบคุมหรือไม่ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเมื่อเรียบร้อยแล้ว ก็ขนออกจากท่าเรือ/ท่าอากาศยานได้เลย จุดนี้คือ Inbound Customs Clearance
7. ขนส่งจากท่าเรือ
สินค้าที่ตรวจปล่อยแล้วก็ขนไปยังผู้รับครับ การขนส่งทางรถในประเทศไทยนั้นมีข้อกำหนดสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่กว่ากระบะด้วย จำง่าย ๆ ว่าในช่วงจราจรคับคั่งตอนพนักงานเข้างานและเลิกงานคือช่วงที่รถใหญ่ห้ามวิ่งในเขตเมือง
8. ผู้ซื้อ
ตอนนี้ขั้นตอนสุดท้ายคือ ผู้ซื้อ(Consignee) ทำการรับสินค้า ถือเป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจขนส่งสินค้าในขั้นตอนนี้ก่อนที่จะรับมอบสินค้า ผู้ซื้อที่ดีควรจะตรวจดูความเรียบร้อยของสินค้าก่อนทำการรับมอบทุกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: https://blog.giztix.com , convergent-interfreight.com
ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > เปรียบเทียบราคาขนส่ง < กดที่นี่
> อ่านเพิ่มเติม: 5 เรื่องพื้นฐาน เตรียมส่งสินค้าไปต่างประเทศสำหรับมือใหม่
> อ่านเพิ่มเติม: 5 ข้อควรรู้ ส่งของไปต่างประเทศง่าย ๆ ฉบับประหยัดงบน้อย!
> อ่านเพิ่มเติม: 4 บริษัทขนส่ง ส่งของไปต่างประเทศ ยอดนิยมในไทย
> อ่านเพิ่มเติม: สินค้าเหล่านี้ห้ามส่งต่างประเทศนะรู้ยัง!!
> อ่านเพิ่มเติม: ทำความรู้จักกับระบบ Fulfillment เก็บ แพ็ค ส่งสินค้า ช่วยลดต้นทุนธุรกิจ E-Commerce
3 วิธีสต๊อกสินค้าแบบ Fulfillment ระบบบริหารและจัดการคลังสินค้า
เลือกวิธีการสต็อกสินค้าให้เหมาะกับร้านค้าของคุณ การจัดการแบบไหนที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการของคุณให้เหมือน Fulfillment มืออาชีพ ลดต้นทุน เพิ่มกำไรได้มากขึ้น
เข้าใจธุรกิจโรงงาน OEM & ODM แตกต่างกันอย่างไร?
ผลิตสินค้าจากโรงงานผลิต OEM ODM เลือกโรงงานอย่างไรให้เหมาะสมกับธุรกิจ, จัดการธุรกิจออนไลน์ของคุณ ซัพพอร์ตให้เข้มแข็งและพลาดโอกาสขายน้องลง ด้วยบริการที่ตอบโจทย์แบรนด์มากมายอย่างครบวงจร
5 เรื่องพื้นฐาน เตรียมส่งสินค้าไปต่างประเทศสำหรับมือใหม่
ดูพื้นฐานความรู้ ก่อนส่งสินค้าไปต่างประเทศ ต้องรู้หรือต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง เพื่อให้การขายสินค้าในต่างประเทศประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
Boxme Fulfillment จับมือกับเอเจนซี่ Anymind Group เป็นพาร์ทเนอร์ในด้าน Logistics
Boxme จับมือเป็นพาร์ทเนอร์ ดูแลในด้าน Logistics กับ ‘Anymind Group’ เพื่อเป็นตัวช่วยในด้านคลังสินค้าครบวงจรละ Expand Business to SEA ได้ง่ายดาย
รวมรายได้บริษัทขนส่งพัสดุ รายไหนปัง รายไหนพัง!
เปิดข้อมูลรายได้ กำไร-ขาดทุน ของบริษัทขนส่งพัสดุใน 3-5 ปีที่ผ่านมา บริษัทไหนมีการเติบโตขึ้นลงอย่างไรบ้าง
จับมือ J&T ลดค่าส่ง ช่วยร้านออนไลน์ เพียง 19 บาท/กล่อง ส่งได้ทั่วประเทศ!
Shipjung จับมือ J&T Express ลดค่าส่งพัสดุ เพื่อสนับสนุนร้านค้าออนไลน์ให้ก้าวผ่านสถานการณ์ Covid-19 ไปได้ โดยทุกการจัดส่งสามารถสะสมแต้มมาแลกเป็นส่วนลดค่าส่งได้อีกไม่จำกัด
โดนกันถ้วนหน้า IOS 14 ปิดกั้นโฆษณา Facebook ทำยอดขายของออนไลน์ ตกฮวบ!
การเปลี่ยนแปลงและการอัพเดต IOS14 ของ Apple ส่งผลให้ผู้ใช้งาน Facebook ในการยิงโฆษณา เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ยากยิ่งขึ้นเนื่องจากจำกัดการเข้าถึงข้อมูล ดูวิธีแก้และการปรับตัว
18 คำศัพท์ที่ควรรู้ในระบบจัดการออเดอร์
การซื้อขายสินค้าออนไลน์ กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกวัน เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีประสบการณ์การสั่งซื้อสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ที่มีระบบจัดการคำสั่งซื้ออย่าง Shopee, Lazada, Shopify มาบ้าง แต่ในส่วนของผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ ที่จำเป็นต้องใช้ระบบจัดการออเดอร์ เพื่อประสิทธิภาพของร้านค้าที่ดีขึ้น จำเป็นจะต้องรู้ศัพท์ต่าง ๆ ที่ใช้ในระบบ เพื่อให้การใช้งานระบบมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ระบบจัดการออเดอร์ คืออะไร ?

ระบบจัดการออเดอร์ คือระบบที่ช่วยในการจัดการการขาย ตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อ ครอบคลุมไปจนถึงขั้นตอนการจัดส่ง เพื่อเสริมการประสิทธิภาพการทำธุรกิจให้ร้านค้าออนไลน์ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยลดปัญหาที่ร้านค้าออนไลน์ต้องเจอเป็นประจำ ทั้งด้านการขายสินค้า การจัดการออเดอร์ที่มีปัญหาจาก Human Error และปัญหาด้านการจัดส่ง รวมถึงปัญหาการติดตามสถานะพัสดุ ช่วยจบปัญหากวนใจ เพิ่มยอดขาย และทำให้ร้านค้าจัดการธุรกิจได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
โดยจุดประสงค์ของการจัดการออเดอร์และสต๊อกสินค้า คือ
- สามารถตัดสต๊อกสินค้าหากมีการขายหลายช่องทางได้
- ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น
- มี Report ที่ช่วยให้ทราบว่าสินค้ารายการไหนขายดี ควรเพิ่มจำนวนสต๊อก
- ตัดปัญหาสินค้าคงคลังที่ไม่มีการเคลื่อนไหว
- ให้การขายเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
- รองรับความต้องการของลูกค้า/ตลาด
- รู้ว่าเมื่อไหร่ควรสั่งสินค้าเพิ่ม (สต๊อกแบบ Real Time)
คำศัพท์ควรรู้ในระบบจัดการออเดอร์

Order status สถานะการสั่งซื้อ
Shipped สินค้าได้ถูกส่งเรียบร้อยแล้ว
Delivered ผู้ซื้อได้รับสินค้าแล้ว
Shipping address ที่อยู่ที่ต้องการให้ส่งสินค้า
Tracking number หมายเลขพัสดุ
Quantity จำนวนสินค้าทั้งหมด
Total amount จำนวนเงินค่าสินค้าทั้งหมด
Out of stock ไม่มีสินค้าในสต๊อก
Customer Service ฝ่ายให้บริการลูกค้า
Payment methods การจ่ายเงินวิธีต่างๆ
Fulfillment คลังสินค้า พร้อมแพ็คจัดส่ง
Storage การจัดเก็บ
AWB (Air Waybill) ใบปะหน้า
Inventory สินค้าคงคลัง
Order Management ระบบจัดการออเดอร์
Marketplace แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์
Stock Management จัดการสต๊อกสินค้า
Back End System ระบบจัดการหลังบ้าน
ระบบ Omisell จาก Boxme Fulfillment เป็นระบบจัดการหลังบ้านที่เหมาะสำหรับร้านค้าที่มีช่องทางการขายผ่านหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, Shopify หรือเว็บไซต์ส่วนตัว โดยตัวระบบ Omisell สามารถจัดการออเดอร์จากทุกช่องทางขายและสต๊อกทั้งหมดได้ในหน้าเดียว ด้วยการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มการขายกับระบบคลังสินค้าของ Boxme ให้สามารถซิงค์ถึงกันได้ เมื่อมีคำสั่งซ์ื้อเข้ามาจากแพลตฟอร์มที่มีการขาย คำสั่งซื้อนั้นจะถูกส่งเข้ามารวมในหน้าจัดการของ Omisell เพื่อให้ผู้ขายสามารถมองเห็นและจัดการคำสั่งซื้อจากช่องทางต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย และเป็นระบบระเบียบ แม่นยำ ลดเวลาการดูแลออเดอร์จำนวนมากที่วุ่นวาย สามารถดึงข้อมูลจากแพลตฟอร์มได้อย่างถูกต้อง 100%

สนใจข้อมูลระบบจัดการออเดอร์เพิ่มเติม
ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > ขอรับใบเสนอราคา < กดที่นี่
อ่านเพิ่มเติม: จัดการออเดอร์จากทุกช่องทางการขายในหน้าเดียวด้วย Omisell
อ่านเพิ่มเติม: เปิดตัวระบบใหม่! ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชันการขายสินค้าออนไลน์
อ่านเพิ่มเติม: 5 แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ ซื้อขายง่าย ยอดขายพุ่ง
อ่านเพิ่มเติม: เพิ่มยอดขาย มัดใจลูกค้า ด้วยบริการ Tracking SMS Service
อ่านเพิ่มเติม: ทำธุรกิจต้องรู้ 5 ข้อดี ของการเลือกใช้ระบบโลจิสติกส์ที่ดี








